ในช่วง 2- 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาคงไม่มีข่าวใดในบ้านนี้เมืองนี้ที่จะดังกระฉ่อน และฉาวโฉ่ยิ่งไปกว่าข่าวของธุรกิจขายตรงของบริษัทแห่งหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นธุรกิจที่มีจุดประสงค์เพื่อการหลอกลวงประชาชน โดยมีการใช้ดารา บุคคลที่มีชื่อเสียงเข้ามาร่วมสร้างความน่าเชื่อถือ จนมีผู้คนที่หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก และมีมูลค่าความเสียหายทรัพย์สินนับพันล้านบาท
ใครถูกใครผิด ข้อเท็จจริงต่างๆคงต้องปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสินครับ
แต่คำถามที่หมอมักจะถูกถามอยู่บ่อยๆเกี่ยวกับข่าวนี้คือ ทำไมคนหลายๆคน ที่เข้ามาพัวพันเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ไม่ว่าคนที่ถูกเรียกว่าบอส (มีด้วยกันหลายบอส) หรือคนที่มาตบทรัพย์จากบอส คนเหล่านี้บางคน ดูโปรไฟล์ภายนอกดูเป็นคนดี๊คนดี หน้าตาก็ดี พูดจาดูฉะฉาน น่าเชื่อถือ ดูสีหน้าแววตา บุคคลิกก็ดูหนักแน่นมั่นคง ดูไม่ออกเลยว่าเค้ากำลังโกหกหลอกลวง ยิ่งบางคนมีประวัติในการช่วยเหลือสังคม ทำบุญบริจาคคราวละมากๆ บางคนถึงขนาดเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในองค์กรด้านการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นด้วยซ้ำ ทำไมคนเหล่านี้ถึงกลายเป็นคนร้ายไปได้
เวลาเรานึกถึงผู้ร้าย โจร หรือ อาชญากร เรามักจะนึกภาพของดาวร้ายในหนังไทยแบบโบราณ หน้าตาเหี้ยมเกรียม ดุดัน ไว้หนวดไว้เครา พูดจากรรโชกโฮกฮากเสียงดัง แต่ถ้าเราไปเห็นคนที่บุคคลิกสุภาพเรียบร้อย พูดจาหวานๆ หน้าตาหล่อสวย เราก็มักจะมองเค้าอยู่ในบทบาทพระเอกนางเอกซึ่งจะถูกตีความว่าจะต้องเป็นคนดีแน่ๆเลย ภาพจำของการรับรู้ของคนทั่วไปมักเป็นเช่นนั้น แล้วทำไมจากพระเอกถึงกลายเป็นผู้ร้ายไปได้ ลองมาติดตามกันดูนะครับ
สิ่งที่หมอจะนำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ ก่อนอื่นขอแนะนำให้รู้จักภาวะที่เราเรียกกันว่า Antisocial Personality Disorder หรือคนที่มีบุคคลิกภาพแบบต่อต้านสังคม ซึ่งหลายๆคนมักเข้าใจคำคำนี้ผิดว่าหมายถึงคนที่ไม่ชอบหรือหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม แต่จริงๆแล้วนิยามของ Antisocial Personality Disorder จะหมายถึงคนที่มีลักษณะไม่ยอมรับ ต่อต้านแบบแผนที่ดีงามของสังคม ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย หรือศีลธรรมจริยธรรม บางคนอาจเรียกคนที่มีบุคคลิกภาพแบบนี้ว่าคนที่เป็นอาชญากรโดยสันดาน
ในภาพยนต์แนวสืบสวนสอบสวนของต่างประเทศหลายเรื่องมักจะมีอีกคำที่มีความหมายใกล้เคียงกับ Antisocial Personality Disorder ที่ถูกนำมาใช้บ่อยๆ เช่น Psychopath หรือ Sociopath ซึ่งก็มีความหมายไปในทางเดียวกันครับ
ลักษณะของบุคคลที่มีบุคคลิกภาพแบบ Antisocial Personality Disorder จะมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เราสังเกตได้ หรือเป็นเกณฑ์ให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้ ดังนี้
ไม่สามารถปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของกฎหมายหรือระเบียบของสังคมใดๆได้
เรามักจะพบว่าคนกลุ่มนี้จะมีการปฏิบัติตนที่เป็นการละเมิดต่อกฏเกณฑ์ต่างๆในแต่ละสังคมที่เขาสังกัดอยู่เสมอ เช่น ตั้งแต่เป็นนักเรียนก็จะละเมิดกฎของโรงเรียน ทุจริตในการสอบ หนีเรียน ในที่ทำงานก็จะละเมิดกฎของบริษัทหรือองค์กรที่ตนเองทำงานอยู่ เช่น ใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางมิชอบ ยักยอกทรัพย์สินของบริษัท แม้แต่ในครอบครัวของตนเองคนกลุ่มนี้ก็มักจะอดไม่ได้ที่จะต้องฝ่าฝืนข้อตกลงบางอย่างในครอบครัวเช่นกัน เช่นการประพฤตินอกใจคู่ครอง หรือขโมยทรัพย์สินในบ้าน
มักจะโกหกอยู่เสมอ
การโกหก พูดสิ่งที่ไม่จริง ไม่พูดความจริง หรือ พูดความจริงไม่หมด ไม่ว่าจะใช้คำไหนก็คือการโกหกทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่ม Antisocial Personality Disorder คนเหล่านี้มักจะสามารถโกหกได้ทุกเรื่อง ตลอดเวลา แม้ในเรื่องเล็กๆน้อยที่ไม่จำเป็นต้องโกหก และที่สำคัญคือ มักจะโกหกได้อย่างหน้าตาย หมายความว่าเราแทบจะไม่เห็นสีหน้าหรือแววตาที่สะทกสะท้านใดๆเวลาที่คนเหล่านี้โกหก ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เพราะมักจะทำให้คนบริสุทธิ์จำนวนมากหลงเป็นเหยื่ออาชญากรกลุ่มนี้ได้ง่ายๆ นอกจากนี้คนเหล่านี้มักจะมีเสน่ห์และมีศิลปะในการโกหกสูงมาก มักจะปากหวานโดยเฉพาะกับเพศตรงข้าม ทำให้การที่เรารู้จักเค้าเพียงผิวเผินก็สามารถที่จะหลงเสน่ห์หรือหลงรักคนพวกนี้ได้ไม่ยากเลย ลักษณะนี้ในทางจิตวิทยาเราเรียกว่า Superficial Charming พูดง่ายๆคือมองผ่านๆแล้วมีออร่าน่าคบ แต่พอลองคบจนสนิทกันจริงๆไปซักระยะหนึ่งจะเริ่มรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิต ทำให้สุดท้ายแล้ว กลุ่ม Antisocial Personality Disorder ก็จะไม่สามารถมีมิตรภาพที่ยั่งยืนกับใครได้ เสน่ห์ที่ฉาบไว้ภายนอกก็เพียงเพื่อล่อเหยื่อเข้ามาติดก่อนที่เหยื่อจะทันรู้ตัว
ไม่รับผิดชอบหรือไม่รักษาสัญญาที่เคยให้ไว้
พวก Antisocial Personality Disorder ไม่ว่าเขาจะเคยสัญญาหรือแม้แต่ถึงขั้นสาบานอะไรกับคุณไว้ก็ตาม เขาก็พร้อมที่จะละเมิดหรือแปรเปลี่ยนคำสัญญานั้นได้ราวกับว่าเขาไม่เคยพูดสิ่งนั้นมาก่อนเลย ซึ่งเราอาจจะเคยเห็นพฤติกรรมเช่นนี้ในหมู่ของนักการเมืองที่ตอนหาเสียงเลือกตั้ง หรือแม้แต่ตอนพูดในสภา เคยสัญญาอะไรไว้ บางคนถึงขนาดท้าสาบานกันที่วัดพระแก้วให้ฟ้าผ่า ให้ตกนรกหมกไหม้ หรือตายในสามวันเจ็ดวัน แต่วันหนึ่งก็ลืมสิ่งที่เคยสัญญาไว้หมดสิ้น แล้วก็มาอ้างเหตุผลร้อยแปดพันประการที่ไม่สามารถจะทำตามสัญญาได้ เอ๊ะอย่างนี้เข้าข่าย Antisocial Personality Disorder รึป่าวนะ
ไม่รู้สึกผิด ไม่คิดถึงความรู้สึกของผู้อื่น
ด้วยองค์ความรู้ในปัจจุบันเราพบว่าคนที่เป็น Antisocial Personality Disorder นั้นมีการทำงานของสมองบางส่วนที่ผิดไปจากปกติ กล่าวคือสมองในส่วนที่เกี่ยวกับการเข้าใจความรู้สึกของบุคคลอื่น หรือที่เรียกว่า Empathy นั้นไม่ทำงานในคนกลุ่มนี้ ส่งผลให้พวกเขาไม่สามารถจะรู้สึกได้ว่าเวลาที่ผู้อื่นถูกกระทำให้เจ็บปวด จะทำให้คนอื่นเป็นทุกข์แค่ไหน พวก Antisocial Personality Disorder จึงไม่รู้สึกผิด ไม่มีความสำนึกใดๆเวลาที่เขาทำร้ายคนอื่น การที่คนเราปกติสามารถมีความรู้สึกผิด หรือ guilt เวลาที่เราไปทำให้คนอื่นเจ็บหรือ เสียใจ ก็เป็นเพราะสมองของเราสมารถเข้าใจได้ว่าเวลาที่คนอื่นเขาเจ็บมันจะเจ็บอย่างไร ซึ่งเรื่องของการมี guilt หรือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอันนี้นี่เอง ที่เป็นรากฐานของศีลธรรมทั้งหลายทั้งปวง คนที่เป็นคนดีที่แท้จริงการที่เขาไม่ทำชั่ว ไม่ใช่แค่การกลัวว่าจะเป็นการผิดกฎหมาย กลัวโดนจับได้ แต่เพราะเขากลัวว่าตนเองจะต้องทนกับความทุกข์ทรมานจิตใจจากความรู้สึกผิดในการที่ไปทำร้ายคนอื่น คล้ายกับคำพูดที่ว่า “สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ” นั่นแหละครับ คนดีที่แท้จริงจึงมักจะไม่ทำสิ่งที่เลวร้ายแม้จะไม่มีคนเห็นหรือจับได้ก็ตาม แต่พวก Antisocial Personality Disorder อาจจะแสร้งทำความดี หรือฝืนใจไม่ทำชั่วเพียงเพราะต้องการจะให้คนยกย่องหรือกลัวว่าจะโดนกฎหมายลงโทษเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็คงไม่น่าแปลกใจที่คนพวกนี้บางทีก็ออกสื่อว่าทำบุญ ทำสาธารณกุศลต่างๆนาๆ แต่ลึกๆก็เพื่อให้ตัวเองโด่งดัง ดูดี หรือเป็น Profile ไปหลอกคนอื่นได้ต่อในอนาคต
มีความก้าวร้าว หรือหุนหันพลันแล่น
พวก Antisocial Personality Disorder มักจะมีความรู้สึกที่ไม่สามารถจะยับยั้งตนเองในการที่จะหาทางทำร้ายผู้อื่นได้ พูดง่ายๆคืออยู่นิ่งเฉย โดยไม่ทำชั่วไม่ได้นั่นเอง แม้ในบางสถานการณ์คนเหล่านี้อาจจะรู้ว่าตนเองต้องพยายามอดทน Low profile เพื่อให้ข่าวฉาวของตนเองเงียบไป หรือเพื่อให้เหยื่อตายใจ แต่เอาเข้าจริงคนพวกนี้ก็มักจะไม่สามารถที่จะอดทนอยู่นิ่งได้นานนัก มักจะต้องหาช่องทางทำอะไรซักอย่างในการเอาเปรียบหรือทำร้ายผู้อื่นให้ได้อยู่ดี อาจจะแค่เปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนวิธีการ หรือเปลี่ยนเป้าหมายไปเท่านั้น จะเห็นได้ว่าอาชญากรโดยสันดานหลายคน เวลาที่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างถิ่นหรือต่างประเทศ จริงๆแล้วสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาคือการอยู่เงียบๆอย่าไปมีเรื่องมีราวกับใคร ก็จะสามารถอยู่ในชุมชนใหม่ได้อย่างปลอดภัย แต่พอเอาเข้าจริงคนพวกนี้ก็มักจะอดไม่ได้ที่ต้องหาช่องทางที่จะทำร้าย โกง หรือเอาเปรียบอะไรซักอย่างกับกลุ่มคนในที่ใหม่ในที่ที่เขาไปอยู่ จนสุดท้ายก็มักจะมีเรื่องมีราวจนถูกจับได้ หรือต้องหนีหัวซุกหัวซุนต่อไป
จะเห็นได้ว่าเอกลักษณ์ต่างๆที่กล่าวมาของ Antisocial Personality นั้นสามารถพบได้ไม่ว่าจะกับคนหน้าตาหล่อสวยระดับดาราหรือหน้าตาเถื่อนๆเหมือนโจรป่า ไม่ว่ากับคนนามสกุลดังชาติตระกูลดีหรือคนพื้นเพมาจากสลัม ไม่ว่าคนนั้นจะเรียนเก่งจบการศึกษาสูงหรือคนเรียนไม่จบอะไรเลย แม้แต่คนที่มีสถานะพิเศษต่างๆทางสังคมที่คนมักจะเชื่อกันว่าเป็นคนดี ก็ไม่มีข้อยกเว้น พระก็เป็นได้ ครู หมอ ตำรวจ ใครๆก็เป็น Antisocial Personality ได้ หากไร้ซึ่งมโนธรรมสำนึกผิดชอบชั่วดี
Credit :
ปรึกษาแนวทางการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางและนัดหมายแพทย์
ช่องทางการติดต่อ · โทรศัพท์: 090-959-9304 · LINE: @JOYOFMINDS