เป็นหัวข้อที่ฟังดูหนักหน่วงสำหรับหลาย ๆ คน แต่เจตนาของบทความนี้ที่ต้องการสื่อสารออกไป ทั้งในคนที่กำลังเผชิญปัญหาที่หนักหน่วงจนมีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ และคนที่พบว่าคนใกล้ตัวมีความคิดอยากตาย หรือกำลังพยายามฆ่าตัวตาย
เพราะจากการเก็บข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า การฆ่าตัวตายติด 10 อันดับแรกสาเหตุการตายของประชากรโลก โดยพบว่าผู้ชายฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่าผู้หญิงถึง 3 เท่า
กว่าที่คนหนึ่งคนจะฆ่าตัวตาย เกิดจากอะไร?
การฆ่าตัวตาย สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุอาจเป็นจากการที่รู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง ความยั้งคิด ความคิดชั่ววูบ รวมไปถึงการวางแผนระยะยาวเป็นขั้นเป็นตอน
หนึ่งในสาเหตุที่พบได้มากที่สุดคือ การเป็นโรคซึมเศร้า
การคิดอยากฆ่าตัวตายมาจากความรู้สึกที่หาทางออกไม่เจอ
ต้องการให้พ้นจากภาวะเป็นทุกข์ที่รุนแรง พ้นจากความเหนื่อยล้า พ้นจากโลกที่ไม่มีความสุข ความคิดของคนที่จะฆ่าตัวตายมักไม่เห็นหนทางแก้ไข สิ้นหวัง แม้แท้จริงแล้วจะมีทางออกก็ตาม
สัญญาณเตือนของการฆ่าตัวตายสังเกตจากอะไรได้บ้าง
- พูดเกี่ยวกับความตาย หรือการฆ่าตัวตาย
- เสาะหาวิธีการฆ่าตัวตาย
- รู้สึกไร้ค่าหมดหวัง ไม่มีเป้าหมาย
- อาจพบการใช้สารเสพติด หรือแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น
- พูดถึงตนเองว่าเป็นภาระ
- มีลักษณะอาการวิตกกังวลสูง กระสับกระส่าย
- มีปัญหาเรื่องการนอน อาจนอนมากเกินไปหรือนอนน้อยเกินไป
- อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย
ถ้าเจอคนใกล้ชิดบอกว่าอยากตาย ควรรับมืออย่างไร
- การที่ใครสักคนบอกเราว่าเขามีความคิดอยากตาย อันดับแรกคือ ตั้งสติ อย่าตกใจจนเกินเหตุ สิ่งที่ผู้พูดต้องการสื่อสารคือ การขอความช่วยเหลือ (call for help) ไม่มองว่าเป็นการพูดเล่น ไม่เพิกเฉยต่อการขอความช่วยเหลือและไม่มองว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญเป็นเรื่องเล็ก
- อย่าลังเลใจที่จะช่วยเหลือด้วยการรับฟังแบ่งปันความทุกข์ ท่าทีในการรับฟังสามารถช่วยให้อีกฝ่ายสามารถสงบใจได้มากขึ้น เช่น การรับฟังอย่างใจเย็น ไม่ตัดสินการกระทำหรือปัญหา ไม่แสดงท่าทีวิตกกังวลจนเกินเหตุ เพียงแค่การรับฟังก็สามารถช่วยผ่อนคลายไปได้มาก
ในกรณีที่บางครั้งคนใกล้ตัวมีท่าทีหรือคำพูดไปในลักษณะไม่อยากมีชีวิตอยู่แต่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ การถามถึงความคิดอยากฆ่าตัวตายไม่ได้เป็นข้อห้าม สามารถที่กระทำได้ โดยหลายคนจะมีความเข้าใจผิดว่ายิ่งถามจะยิ่งทำให้อยากทำมากขึ้น
ซึ่งความคิดนี้ไม่เป็นความจริง เราสามารถสอบถามและประเมินได้ การถามทำให้เขาได้แสดงความรู้สึกออกมา ได้ระบายและรู้สึกว่าปัญหาเหล่านี้สำคัญ มีคนคอยรับฟังและอยู่เคียงข้าง มีคนเข้าใจทำให้เขารู้สึกดีขึ้น อย่าปล่อยให้เขาอยู่ลำพังคนเดียว เก็บของมีคมหรือของที่คิดว่าเขาอาจใช้เพื่อทำร้ายตนเองออกจากสายตา เพื่อป้องกันเหตุอันคาดไม่ถึงที่อาจเกิดขึ้น
หากกรณีที่ประเมินแล้วว่ามีความน่าเป็นห่วงหรือไม่มั่นใจ อีกทางเลือกหนึ่งคือพาไปพบจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือทีมสุขภาพจิตเพื่อเข้าสู่กระบวนการการดูแลรักษา ซึ่งการดูแลอย่างทันท่วงทีย่อมดีกว่ารอให้เกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น
Credit : พญ. วิลาวัลย์ กำจรปรีชา
ปรึกษาแนวทางการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางและนัดหมายแพทย์
ช่องทางการติดต่อ · โทรศัพท์: 090-959-9304 · LINE: @JOYOFMINDS